วันพฤหัสบดีที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ลั่นกลองรับปีใหม่ ฮ.๑๐๐ ลำรถกู้ชีพหมื่นคัน ...ป้องกันพิการ 30 ธันวาคม 2553


สธ.ลั่นกองรบอุบัติเหตุช่วง ๗ วันอันตรายเทศกาลปีใหม่ จัดเฮลิคอปเตอร์ ๑๐๐ ลำ รถกู้ชีพกว่า ๑ หมื่นคัน เตรียมกู้ชีพฉุกเฉินรับมืออุบัติเหตุทั่วประเทศ ด้านกาชาดเร่งรับบริจาคเลือดสำรอง “ปู่จิ้น” ตั้งเป้าลดตาย ๑๐ เปอร์เซ็นต์ กำชับทุกจังหวัดกวดขันจราจร เน้นถนนสายรองป้อง จยย.ซิ่ง ทางด้าน “ฮู” แฉ ไทยเหลวป้องอุบัติเหตุ ติดอันดับ ๑๐๖ โลก เฉลี่ยสังเวยปีละ ๑๒,๐๐๐ คน เจ็บ-พิการอีกนับล้านรายต่อปี ขณะที่คณะทัวร์ครูนครปฐมหวิดตายหมู่อีก รถตู้หลิกคว่ำขณะท่องเที่ยวเลย เหตุคนขับหลับใน หามส่งโรงพยาบาล ๗ ราย
สธ.พร้อมรับอุบัติเหตุเทศกาลปีใหม่ - เมื่อวันที่ ๒๗ ธ.ค.๕๓ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวแถลงข่าวความพร้อมรับมืออุบัติเหตุปีใหม่ ๒๕๕๔ เนื่องใน ๗ วันอันตรายตั้งแต่ ๒๙ ธ.ค.๕๓-๔ ม.ค.๕๔ ว่า ทางสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) กระทรวงสาธารณสุข ได้มีการเตรียมความพร้อมรับมือกับอุบัติเหตุช่วงวันหยุดในเทศกาลปีใหม่ เนื่องจากปีที่ผ่านมา พบว่า สถานการณ์ดังกล่าวยังน่าห่วง โดยในปี ๒๕๕๒ พบว่า มีประชาชนประสบอุบัติเหตุและบาดเจ็บ จำนวน ๔,๑๐๗ ราย เสียชีวิต ๓๖๗ ราย ขณะที่ในปี ๒๕๕๓ มีผู้ประสบอุบัติเหตุและบาดเจ็บจำนวน ๓,๘๒๗ เสียชีวิต ๓๔๗ ราย โดยส่วนมากเกิดจากการขับขี่รถจักรยานยนต์แล้วไม่สวมหมวกนิรภัย และขับรถยนต์ไม่รัดเข็มขัดนิรภัย รองลงมาเกิดจากสาเหตุที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ขับรถเร็ว หรือทั้ง ๒ อย่าง นอกจากนี้ ก็มีเรื่องปัญหาง่วงและหลับใน โดยทาง สธ.ได้มีนโยบายให้โรงพยาบาลในสังกัดทั่วประเทศมีการเตรียมความพร้อมสำหรับการรับมือกับอุบัติเหตุทั้งหมด ๘๗๕ แห่ง โดยเตรียมทั้งห้องฉุกเฉิน และอุปกรณ์ช่วยชีวิตที่จำเป็น อีกทั้งมีการเปิดบริการรับแจ้งเหตุ ฉุกเฉิน ๒๔ ชม.ผ่านสายด่วน ๑๖๖๙ และได้เตรียมทีมกู้ชีพฉุกเฉินทั้งหมด ๗,๖๘๐ หน่วย มีบุคลากรสำหรับปฏิบัติหน้าที่ ๑๗๐,๒๐๕ คน มีเฮลิคอปเตอร์คอยบริการ จำนวน ๑๐๐ ลำ และรถบริการการแพทย์ฉุกเฉิน จำนวน ๑๐,๒๘๒ คัน ทั้งนี้ ภายหลังจากทางเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเหตุผ่านสายด่วน ๑๖๖๙ ก็จะแจ้งต่อไปยังหน่วยแพทย์ฉุกเฉินให้ไปถึงยังจุดเกิดเหตุทั้งภายในเวลา ๑๐ นาที โดยตั้งเป้าว่าควรทำได้ในเกณฑ์ดังกล่าวที่กำหนดให้ได้ราว ๗๕ เปอร์เซ็นต์
นอกจากนี้ ยังได้ใช้มาตรการในการป้องกันและลดอุบัติเหตุให้ครอบคลุมทั้งยานพาหนะ ผู้ขับขี่ และถนน โดยในด้านยานพาหนะกำหนดให้มีการเพิ่มอุปกรณ์ความปลอดภัยให้มีคุณภาพ เช่น ด้านการมีหมวกและเข็มขัดนิรภัย มีระบบเบรกที่ดี ซึ่งทางผู้ขับขี่ต้องมีการตรวจเช็คสภาพก่อนใช้งานสำหรับในกรณีรถสาธารณะ หรือรถบริการทัศนาจรนั้น กฎหมายกำหนดให้คนขับขี่ไม่ควรขับต่อเนื่องเกิน ๔ ชั่วโมง ยกเว้นได้รับการนอนหลับพักผ่อน ๓๐ นาที และในกรณีที่ต้องขับต่อเนื่องในระยะไกลกว่า ๔๐๐ กม. ก็ต้องมีผู้ขับ ๒ คน ผลัดกันขับ
ด้าน น.พ.ชาตรี เจริญชีวกุล เลขาธิการการ สพฉ.กล่าวว่า สำหรับการบริการของรถกู้ชีพฉุกเฉินทั้งหมดนั้นจะมีประจำในเส้นทางหลักๆ เช่น ทางหลวงขนาดใหญ่ที่มีผู้สัญจรจำนวนมาก อาจเกิดอุบัติเหตุบ่อยๆ ส่วนเฮลิคอปเตอร์จำนวน ๑๐๐ ลำนั้น จะใช้ในกรณีที่รถกู้ชีพไปไม่ทัน เช่น จุดเกิดเหตุอยู่ไกล หากใช้รถต้องใช้เวลานานกว่า ๑-๒ ชม.
กาชาดฯ รับบริจาคเลือดใช้ช่วงปีใหม่ - นายแผน วรรณเมธี เลขาธิการสภากาชาดไทย เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ ก่อนเที่ยวเกี่ยวเพื่อนบริจาคเลือดก่อนปีใหม่ ดื่มไม่ขับกลับปลอดภัย ร่วมด้วยนายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ อธิบดีกรมคุมประพฤติ โดยทำพิธีปล่อยขบวนพาเหรด รณรงค์ประชาสัมพันธ์โครงการ ณ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ทั้งนี้ ได้ร่วมกับหลายองค์กร ภาครัฐและเอกชน ร่วมรณรงค์โครงการเพื่อเชิญชวนประชาชนร่วมบริจาคโลหิตสำรองให้แก่ผู้ป่วย ในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ และสร้างสำนึกขับขี่ปลอดภัย ดื่มไม่ขับเพื่อลดอุบัติเหตุ ที่มักจะเกิดขึ้นในช่วง ๗ วันอันตราย เทศกาลปีใหม่นี้ ระหว่างวันที่ ๑๕ ธ.ค.๕๓ ถึง ๙ ม.ค.๕๔ อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ต้องการบริจาคโลหิตในกรุงเทพฯ และปริมณฑล สามารถบริจาคได้ที่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย หรือบริจาคได้ที่หน่วยรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่
“ชวรัตน์” ตั้งเป้าลดตาย ๑๐ เปอร์เซ็นต์ - นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย กล่าวถึงมาตรการป้องกันอุบัติเหตุ และการแพร่ระบาดของยาเสพติดในช่วงปีใหม่ว่า ตนสั่งการเรื่องการป้องกันอุบัติเหตุในที่ประชุมกระทรวงมหาดไทย โดยเป้าหมายเบื้องต้นตนอยากให้ยอดอุบัติเหตุลดลง ๑๐ เปอร์เซ็นต์ ส่วนทางกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ตั้งเป้าไว้ ๕ เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตามมาตรการป้องกันต้องใช้กฎหมายเข้าไปควบคุม อาทิ จัดตั้งจุดตรวจบูรณาการและลดอุบัติเหตุทางถนน เน้นให้ทุกอำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดตั้งจุดตรวจจุดสกัดทุกท้องที่ โดยผู้ว่าฯ ต้องเข้าไปดูแล ส่วนเรื่องการทะลักของยาเสพติดในช่วงปีใหม่ต้องมีการกวดขันให้เต็มที่
จับตาถนนสายรองจยย.เกิดอุบัติเหตุสูง - นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง มหาดไทย กล่าวที่ จ.ภูเก็ต ระหว่างเดินทางมาเป็นประธานการประชุมสัมมนาผู้ประกอบการสถานบริการและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ตาม พ.ร.บ.สถานบริการ พ.ศ.๒๕๐๙ ถึงมาตรการในการดูแลความปลอดภัยทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่ประจำปี ๒๕๕๔ ว่า เรื่องของการป้องกันอุบัติเหตุทางถนนในช่วงปีใหม่ถือเป็นนโยบายสำคัญที่จะต้องดำเนินการ และจะต้องรณรงค์เพื่อลดอุบัติเหตุให้เหลือน้อยที่สุด ในขณะนี้ได้มีการสั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันป้องกันอุบัติเหตุอย่างเข้มข้น ซึ่งในส่วนของอุบัติเหตุบนถนนสายหลักนั้นไม่ห่วงมากนัก เนื่องจากมีเจ้าหน้าตำรวจพร้อมสนธิกำลัง ทั้ง อส.และ อพปร.ของแต่ละท้องถิ่น ในการตั้งด่านตรวจ และด่านป้องกัน โดยการจัดเจ้าหน้าที่ประจำเพื่อเป็นการเฝ้าระวังอย่างเข็มข้นตลอด ๒๔ ชั่วโมงในช่วงดังกล่าว ส่วนที่น่าเป็นห่วงจะเป็นอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นบนถนนสายรอง ซึ่งเป็นถนนที่จะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อยครั้ง โดยเฉพาะอุบัติเหตุที่เกิดจากการใช้รถจักรยานยนต์ ซึ่งผู้ขับขี่ส่วนใหญ่จะมีอาการเมาสุราและขับขี่โดยไม่เคารพกฎจราจร ประกอบกับถนนสายรองจะไม่มีการตั้งด่านตรวจ และผู้ที่กระทำผิดมักใช้ถนนเส้นนี้ในการหลีกเลี่ยงเจ้าหน้าที่ จึงทำให้มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นสูง
สั่งเฝ้าระวังเหตุไฟไหม้ช่วงปีใหม่ ๒๔ ชม.- นายวิเชียร ชวลิต ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ช่วงปลายเดือนธันวาคมถึงต้นเดือนมกราคมของทุกปี เป็นช่วงที่มีการจัดงานเฉลิมฉลองวันส่งท้ายปีเก่าและต้อนรับปีใหม่ โดยเฉพาะช่วงเวลาเที่ยงคืนของวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๓ เป็นช่วงการนับเวลาถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่ มีการจุดพลุ ประทัด ดอกไม้เพลิง ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัยได้โดยง่าย รวมทั้งการสัญจรของประชาชนในห้วงเวลาดังกล่าวอย่างคับคั่ง ทำให้เกิดอุบัติภัยจากการสัญจรทางบกและทางน้ำ กระทรวงมหาดไทยจึงให้จังหวัดประสานหน่วยงานภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชน ที่จะจัดงานเฉลิมฉลองเทศกาลฯ ใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ ตลอดจนกำหนดมาตรการห้ามเล่นพลุ ประทัด ดอกไม้ไฟภายในสถานบันเทิงอย่างเด็ดขาด เพื่อมิให้เกิดอันตรายจากอัคคีภัย โดยดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ ให้มีการเตรียมความพร้อมด้านบุคลากร อุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รวมทั้ง จัดเจ้าหน้าที่และวางระบบสื่อสารสมาชิกอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมความพร้อมตลอด ๒๔ ชั่วโมง เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างรวดเร็ว และกำชับให้ตรวจตราพื้นที่ชุมนุมชน สถานประกอบการ สถานบันเทิง อาคารหรือสถานที่ที่วัสดุสิ่งของภายใน พร้อมให้ตรวจตราเส้นทางสัญจร โดยเฉพาะพื้นที่จัดงานเฉลิมฉลองเทศกาลฯ อำนวยความสะดวก จัดระเบียบการจราจร รวมถึงการรักษาความปลอดภัยให้ประชาชนที่มาร่วมงานเฉลิมฉลองเทศกาลฯ ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
WHO แฉไทยตายอุบัติเหตุสูงที่ ๑๐๖ โลก - อุบัติเหตุเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของประเทศไทย นอกจากผลกระทบทางสังคมแล้ว ยังส่งผลทางด้านเศรษฐกิจ เพราะทำให้เกิดการสูญเสียมูลค่ากว่า ๒ แสนล้านบาทต่อปี องค์การอนามัยโลก ระบุว่า ไทยมีผู้เสียชีวิตสูงเป็นอันดับที่ ๑๐๖ แม้ไทยจะได้ร่วมลงนามในปฏิญญามอสโกเมื่อปี ๒๕๕๒ ที่จะรณรงค์ทศวรรษถนนปลอดภัย เพื่อลดผู้เสียชีวิตถึงร้อย ๕๐ และยังมีการผลักดันที่จะลดอุบัติเหตุเป็นวาระแห่งชาติของไทย ที่ระบุในการป้องกันอุบัติเหตุทางถนนเป็นแผนแม่บท โดยเป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่ว่าในปีนี้พบว่า การรณรงค์นั้นยังไม่ทำอย่างต่อเนื่อง หรือว่ามีการขับเคลื่อนเท่าที่ควร ซึ่งปัจจุบันคนไทยเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนน ๓๕ คนต่อ ๑ วัน โดยผู้ชายนั้นเสียชีวิตมากกว่าผู้หญิงถึง ๔ เท่า ส่วนผู้ที่บาดเจ็บจะมีอายุต่ำกว่า ๒๕ คิดเป็นร้อยละ ๔๐ ในช่วงวันหยุดยาวหลายภาคส่วนจึงมีการรณรงค์ให้ประชาชนร่วมกันลดอุบัติเหตุ โดยผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุในไทยคิดเป็นเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ ๑๒,๐๐๐ คน ซึ่งไม่นับรวมการบาดเจ็บ และพิการอีก ๑ ล้านคนต่อปี คิดเป็นความสูญเสียถึงร้อยละ ๒.๘๑ ของการเติบโตของเศรษฐกิจ(บ้านเมืองออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย ๒๘ ธ.ค.๒๕๕๓)
เพิ่มเติม เว็บไซต์: ไม่ระบุ อีเมล์ที่ติดต่อได้: ไม่ระบุ โทรศัพท์: ไม่ระบุ ผู้ติดต่อ/รับเรื่อง: ไม่ระบุ ที่มาของข่าว: บ้านเมืองออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย ๒๘ ธ.ค.๒๕๕๓ ผู้ฝากประกาศ: ไม่ระบุ วันที่โพสต์: 30 ธันวาคม 2553

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น